วันพฤหัสบดีที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2560

ทรัพยากรหิน

กระบวนการเกิด หินอัคนีเกิดจากการเย็นตัวของหินหนืดหรือลาวา ซึ่งจะเย็นตัวลงแล้วตกผลึกหินหนืดที่แข็งตัวให้เปลือกโลกในระดับที่สึกจะเป็นหินพลูโทนิค (Plutonic Rock) หรือเรียกว่าหินอัคนีระดับลึก จะมีเม็ดแร่ขนาดใหญ่ ลาวาหรือหินหนืดบางส่วนที่เกิดจากการประทุของภูเขาไฟ เมื่อเย็นตัวลงบนพื้นโลกก็จะเกิดเป็นหินภูเขาไฟ (Volcanic Rock) จะมีเม็ดแร่ขนาดเล็กละเอียดในกรณีที่หินหนืดมีการแทรกซอนเข้าใกล้ผิวโลกแล้วเย็นตัวลงจะทำให้เกิดหินอัคนีที่มีเม็ดแร่ขนาดใหญ่ปะปนกับเม็ดแร่ขนาดเล็ก ลักษณะพื้นฐาน
  • เม็ดแร่จะจับตัวกันแน่น (Interlocking) จะมีความพรุ่นต่ำ
  • เนื้อหินจะสมานกันแน่นทั้งก้อน (Massive) ไม่พบรอยแตก
  • แร่ในเนื้อหินจะไม่ค่อยพบกับการจัดเรียงตัว
  • มีแร่เฟลด์สปาร์สูง และจะมีแร่เด่น คือ แร่เพลด์สปาทอยด์ โอลิวีน โครไมต์
  • บางส่วนในเนื้อหินจะมีแก้วธรรมชาติปะปนอยู่บ้าง
พนังหิน : เมื่อหินหนืดดันแทรกเข้าไปตามโครงสร้างที่แตกร้าวของหินเดิมและเย็นตัวกลายเป็นหินแข็ง
เรียกว่า พนังหินซึ่งมักมีมุมสูงชัน 
พลูโทน : เป็นมวลหินอัคนีที่แข็งตัวใต้เปลือกโลกที่ระดับความลึกมาก ขนาดของมวลพลูโทน
อาจกว้างนับร้อย ๆ กิโลเมตร 
พนังแทรกชั้น : หินหนืดสามารถแทรกตัวเข้าไปอยู่ระหว่างแนวระนาบของหินชั้น
และเมื่อเย็นตัวลงเป็นหินแข็งจะกลายเป็นพนังแทรกชั้น
หลังจากที่หินชั้นถูกกัดกร่อนทำลายไปจะเหลือสันแนวยาวโผล่ให้เห็นบนพื้นผิวโลกแบ่งเป็น1. หินอัคนีแทรกซอน ได้แก่ หินเพกมาไทต์
ประเภทอัคนีแทรกซอน
 ลักษณะจะมีลักษณะรูปร่างแบบโครงสร้างกราฟฟิค (Graphic Structure) เนื้อหยาบ
 กระบวนการเกิดของเหลวที่เหลือจากการตกผลึกของหินหนืดในช่วงสุดท้าย เรียกว่าสารละลายไฮโดรเทอร์มอล หรือแร่ร้อน (Hydrothermal Solution) สารละลายไฮโดรเทอร์มอลจะตกผลิกให้แร่ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก
 องค์ประกอบควอร์ตซ์และออร์โทเคลสเฟลด์สปาร์เป็นส่วนใหญ่ และมีไมกาบ้างเล็กน้อย บางที่ควอร์ตซ์ก็จะเกิดเป็นรูปนิ้วมืออยู่ในออร์โทเคลสเฟลด์สปาร์ แร่ที่ประกอบ เบอร์ลเลียม อะลูมินา และซิลิกา
 บริเวณที่พบนราธิวาส, ตาก, ระนอง
 ประโยชน์เป็นวัสดุก่อสร้าง ถ้ามีแร่เฟลสปร์มากเมื่อผุพังแล้วจะให้แร่ดินขาว ซึ่งใช้ในอุตสากรรมเซรามิก
หินไดออไรต์
ประเภทอัคนีแทรกซอน
 ลักษณะเนื้อหยาบ  ผลึกแร่ใหญ่ค่อนข้างสม่ำเสมอ
มีสีคล้ำอาจถึงดำเพราะปริมาณแร่สีเข้มมีมากขึ้น
 กระบวนการเกิดกำเนิดอยู่ภายใต้ผิวโลก เกิดจากหินหนืดมาเย็นตัวเป็นหินอยู่ใต้พื้นผิวโลก
 องค์ประกอบแร่ที่สำคัญคือ แร่เพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ ไปโอไทต์ ฮอร์นเบลนด์ และ   ไพรอกซีน จะไม่มีแร่ควอตซ์ปนอยู่ด้วย หรืออาจจะมีแต่น้อยมาก แร่ที่การเพิ่มมากขึ้น คือ โซดาไลม์เฟลด์สปาร์ และแร่สีเข้ม
 บริเวณที่พบในประเทศไทยพบไม่มากนัก และโดยมากในบริเวณเดียวกับที่ที่พบหินแกรนิต เช่นที่จังหวัดตาก เลย แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ เชียงราย สระบุรี ลพบุรี และนครราชสีมา
 ประโยชน์ใช้เป็นหินก่อสร้างแทนหินแกรนิต เพราะว่ามีค่ากำลังวัสดุสูง เนื้อหยาบ ความพรุนต่ำ มีการยึดติดกับยางมะตอยสูง

หินแกรนิต

ประเภทอัคนีแทรกซอน
 ลักษณะเป็นหินที่มีเนื้อหยาบหรือเป็นดอกผลึกเกาะกันแน่นเห็นได้ชัด ดูโดยทั่วไปเป็นหินสีจาง เพราะมีแร่ส่วนใหญ่เป็นแร่พวกเฟลด์สปาร์และ ควอร์ตซ์ เมื่อทุบดูจะเห็นผิวหน้าที่ขรุขระได้ชัดเจน
 กระบวนการเกิดเกิดจากการเย็นตัวอย่างช้า ๆ ภายใต้พื้นผิวโลก
 องค์ประกอบแร่ที่สำคัญคือ แร่ควอร์ตซ์ประมาณ 30% กับแร่เฟลด์สปาร์ โดยเฉพาะพวกออร์โทเคลสประมาณ 60% แร่สีเข้มประมาณ 10% ได้แก่  ฮอร์นเบลนด์ ไบโอไทต์ ทัวร์มาลีน มีแทรกกระจายอยู่โดยทั่วไปในเนื้อหิน (ถ.พ. เฉลี่ย 2.66) 
 บริเวณที่พบภาคตะวันออก จังหวัดจันทบุรี  ระยอง  ชลบุรี  ภาคเหนือตั้งแต่จังหวัดเชียงรายจนถึง จังหวัดตาก ภาคใต้แถบบริเวณเขตแดนไทย – พม่า จังหวัดสงขลา  ยะลา  และจังหวัดนราธิวาส
 ประโยชน์เนื่องจากมีเนื้อเหนียวและแข็ง ทนทานต่อการผุสึกกร่อน เนื้อหินเมื่อนำมาตัดเป็นแผ่นเรียบขัดมันจะมีลวดลายสวยงามมาก ใช้เป็นหินประดับและหินก่อสร้าง เพราะมีความแข็งแรงคงทน  เมื่อโม่ย่อยเพื่อผลิตเป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ส่วนผสมคอนกรีตทำถนน ทำอนุสาวรีย์  ทำครก  นับว่าใช้เป็นหินประดับและหินก่อสร้าง
หินแกรนิต สีชมพู
ประเภทอัคนีแทรกซอน
 ลักษณะเป็นหินที่มีเนื้อหยาบหรือเป็นดอกผลึกเกาะกันแน่นเห็นได้ชัด ดูโดยทั่วไปเป็นหินสีจาง เพราะมีแร่ส่วนใหญ่เป็นแร่พวกเฟลด์สปาร์สีชมพูและ ควอร์ตซ์ เมื่อทุบดูจะเห็นผิวหน้าที่ขรุขระได้ชัดเจน
 กระบวนการเกิดเกิดจากการเย็นตัวอย่างช้า ๆ ภายใต้พื้นผิวโลก
 องค์ประกอบแร่ที่สำคัญคือ แร่ควอร์ตซ์ประมาณ 30% กับแร่เฟลด์สปาร์ โดยเฉพาะพวกออร์โทเคลสประมาณ 60% แร่สีเข้มประมาณ 10% ได้แก่  ฮอร์นเบลนด์ ไบโอไทต์ ทัวร์มาลีน มีแทรกกระจายอยู่โดยทั่วไปในเนื้อหิน (ถ.พ. เฉลี่ย 2.66) 
 บริเวณที่พบจังหวัดตาก นครสวรรค์ และจันทบุรี
 ประโยชน์
เนื่องจากมีเนื้อเหนียวและแข็ง ทนทานต่อการผุสึกกร่อน เนื้อหินเมื่อนำมาตัดเป็นแผ่นเรียบขัดมันจะมีลวดลายสวยงามมาก ใช้เป็นหินประดับและหินก่อสร้าง เพราะมีความแข็งแรงคงทน  เมื่อโม่ย่อยเพื่อผลิตเป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง เช่น ส่วนผสมคอนกรีตทำถนน ทำอนุสาวรีย์  ทำครก  นับว่าใช้เป็นหินประดับและหินก่อสร้าง
2. หินอัคนีพุ ได้แก่
หินแอนดีไซต์
ประเภทอัคนีพุ
 ลักษณะเป็นหินที่เนื้อละเอียด ผลึกของแร่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะแร่ตกผลึกอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลึกแร่มีขนาดเล็ก มีสีม่วง เขียว เทาแก่ หรือดำ ต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ตรวจวินิจฉัย
 กระบวนการเกิดเกิดจากหินหนืดเย็นตัวบนพื้นผิวโลก
 องค์ประกอบประกอบด้วยแร่ที่สำคัญ คือ แร่แพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ และแร่สีเข้มพวกฮอร์นเบลนด์ ไพรอกซีน และไบโอไทต์ บางแหล่งจะเป็นแร่ไพรอกซีนใหญ่ฝังลอยในเนื้อหินละเอียด หน้าตัดจะเห็นชัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม หรือมีแร่เฟลด์สปาร์ใหญ่ฝังในเนื้อหินซึ่งสีจะเข้ม
 บริเวณที่พบตามขอบที่ราบสูงโคราช เช่น จังหวัดนครราชสีมา  สระบุรี  เพชรบูรณ์  ลพบุรี  นครนายก แพร่  และจังหวัดลำปาง ทางด้านทิศตะวันออก  จังหวัดปราจีนบุรี  และจังหวัดตราด
 ประโยชน์ใช้เป็นหินก่อสร้าง ทำถนน ทางรถไฟ ทำหินเกล็ด เคยมีการระเบิดทำเหมืองอยู่ที่เขาตะกร้า จ.สระบุรี
หินไรโอไลต์
ประเภทอัคนีพุ
 ลักษณะเนื้อละเอียดมาก โดยทั่ว ๆ ไป มักจะมีสีจาง เช่น ขาว ชมพูซีด หรือ เทา บางทีก็มีเนื้อแก้ว มักจะเป็นเม็ดแร่ควอร์ตซ์ใส ๆ ฝังในเนื้อหิน
 กระบวนการเกิดเกิดจากหินลาวาขึ้นมาสู่ผิวโลกและเย็นตัวบนผิวโลก เป็นการเย็นตัวค่อนข้างที่จะรวดเร็ว
 องค์ประกอบส่วนใหญ่จะประกอบด้วยแร่เฟลด์สปาร์ และแร่ควอร์ตซ์ แร่อื่น ๆ ที่มีแต่ไม่สำคัญ ได้แก่ไบโอไทต์ ฮอร์นแบลนด์ บางครั้งอาจจะพบผลึกที่มีขนาดโต
 บริเวณที่พบหินโผล่ ปรากฏเป็นบริเวณทั่วไปตามภาคต่าง ๆ ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีลักษณะเป็นเขาใหญ่ที่มีต่อเนื่องกัน พบที่ จังหวัดสระบุรี  ลพบุรี เพชรบุรี และจังหวัดแพร่
 ประโยชน์ใช้เป็นหินก่อสร้าง ทำถนน ทางรถไฟ ทำครก ประดับสวน และอาคาร
หินพัมมิช
ประเภทอัคนีพุ
 ลักษณะเนื้อเป็นฟองและเบา มีเนื้อสีจาง เช่น สีขาว มีรูพรุนเล็ก ๆ เต็มไปหมด จนบางครั้งสามารถลอยน้ำได้ เนื้อไม่เนียน เพราะมีรูพรุ่น แต่อย่างไรก็ตามเนื้อยังเป็นแก้ว  เพราะลาวาเย็นตัวเสียก่อนที่แร่จะตกผลึกได้ทัน ก๊าซที่มีปนอยู่ในเนื้อทำให้เกิดเป็นรูเล็ก ๆ ทั้งก้อน
 กระบวนการเกิดเกิดจากหินลาวาขึ้นมาเย็นตัวบนพื้นผิวโลก
 องค์ประกอบแร่ที่เป็นส่วนประกอบเกือบทั้งหมดเป็นพวกซิลิกา ที่เป็นแร่ควอว์ตซ์เม็ดเล็กละเอียด หรือส่วนที่เป็นแก้วธรรมชาติ
 บริเวณที่พบพบตามชายทะเล จังหวัดระยอง ซึ่งลอยมาได้จากที่อื่น
 ประโยชน์ให้เป็นหินถูตัว ใช้ทำวัสดุขัดถูภาชนะดี ทำให้ผิวภาชนะเป็นเงาวาว บางก้อนถ้าตัดได้เป็นแผ่น ใช้ทำเป็นฉนวนในเครื่องทำความเย็นผสมหากนำมาใช้กับปูนซีเมนต์ และปูนพลาสเตอร์จะทำให้น้ำหนักเบาขึ้น
หินบอมบ์ภูเขาไฟ
ประเภทอัคนีพุ
 ลักษณะมีเนื้อละเอียด สีเข้ม หรือเทา แก่ถึงดำ น้ำตาลแก่ ส่วนมากมีรูพรุน มีลักษณะกลมมน หรือคล้ายลูกรักบี้
 กระบวนการเกิดเกิดจากการประทุของภูเขาไฟ เป็นหินหนืดที่ถูกพ่นขึ้นไป และเย็นตัวในอากาศ
 องค์ประกอบแร่ที่สำคัญคือ แร่แพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ และแร่สีเข้มอื่น ๆ เช่น ไพรอกซีนละเอียดมาก เฟลด์สปาร์ ฮอร์นเเบลนด์ และโอลิวีน แต่ผลึกแร่เล็กละเอียดมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นและยังไม่ทำปฏิกิริยากับกรดเกลือ
 บริเวณที่พบจังหวัดบุรีรัมย์ ศรีสะเกษ และลำปาง
 ประโยชน์ใช้เป็นหินประดับสวน โม่ทำวัสดุก่อสร้าง
หินบะซอลต์
ประเภทอัคนีพุ
 ลักษณะมีเนื้อละเอียด สีเข้ม หรือเทาแก่ถึงดำ น้ำตาลแก่ และหนัก ส่วนมากมีรูพรุน อายุของหินที่พบในประเทศไทยนับว่ามีอายุใหม่มาก ประมาณ 2 – 10 ล้านปี  อยู่ในยุค Quaternary – Late Tertiary
 กระบวนการเกิดเกิดจากหินลาวาขึ้นมาเย็นตัวบนพื้นผิวโลก
 องค์ประกอบแร่ที่สำคัญคือ แร่แพลจิโอเคลสเฟลด์สปาร์ และแร่สีเข้มอื่น ๆ เช่น ไพรอกซีนละเอียดมาก เฟลด์สปาร์ ฮอร์นเเบลนด์ และโอลิวีน แต่ผลึกแร่เล็กละเอียดมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นและยังไม่ทำปฏิกิริยากับกรดเกลือ
 บริเวณที่พบพบมากที่ จังหวัดจันทบุรี ตราด กาญจนบุรี แพร่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ เชียงราย และลำปาง เป็นหินที่พบว่าเกิดพลอยพวก คอรันดัม เช่น ทับทิม ไพลิน
 ประโยชน์ใช้ในการก่อสร้าง แต่ไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าจำเป็นก็ใช้เป็นวัสดุสร้างทางได้ หินบะซอลต์ถ้าผุจะกลายเป็นดินที่ใช้ประโยชน์ในการเพาะปลูก และยังเป็นหินประดับได้
หินออบซิเดียน
 
มีส่วนประกอบหลักเป็นสารซิลิกา มีความวาวแบบแก้วและมีหลายสีมีทั้งดำ เทา (มักมีแถบสีน้ำตาล) น้ำตาล เขียว น้ำเงิน และเขียวน้ำเงิน แต่สีน้ำเงิน สีเขียว และสีแดงหาได้ยาก สีเหล่านี้เกิดจากมลทินที่แทรกอยู่ในเนื้อหิน อาจมีแมกนีไทท์ เฮมาไทดต์หรืออื่น ๆ  สีของมันอาจสม่ำเสมอหรืออาจมีลายปนอยู่ก็ได้ ออบซิเดียน สีดำก็อาจมีสีเทาโปร่งแสงให้เห็นอยู่ตรงส่วนขอบได้ด้วย นอกจากนี้แล้วออบซิเดียน อาจปรากฏให้เห็นเหลือบสีสวย ๆ ได้อีกด้วย อาจเป็นสีทอง สีเงิน น้ำเงิน ม่วงเขียวหรืออาจเห็นทุกสีปรากฏอยู่พร้อม ๆ กันก็ได้ เหลือบสีเหล่านี้เกิดจากฟองอากาศขนาดเล็กซึ่งมักจะเรียงตัวขนานกัน ทำให้เกิดประกายแสงและสี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เห็นเป็นประกายสีทองนั้น พบได้บ่อยกว่าและที่เห็นเป็นประกายสีเงินนั้นเกิดจากมลทินรูปเข็ม  ในอดีตออบซิเดียน มักถูกนำมาใช้เป็นทั้งอาวุธ ทั้งภาชนะและเครื่องประดับ โดยเฉพาะในยุคหินมักนำเอามาทำเป็นอาวุธ เพราะมันค่อนข้างแข็งและมีรอยแตกที่คม และในสมัยที่อิรักเจริญรุ่งเรือง เมื่อ 7,000 ปีก่อนโน้นก็ได้นำเอาออบซิเดียน สีดำมาร้อยเข้ากับเปลือกหอยเบี้ย เพื่อทำสร้อยประคำ ซึ่งถือเป็นเครื่องประดับชิ้นแรกของโลกก็ว่าได้ นอกจากนี้แล้วในศตวรรษที่ 16 ที่เม็กซิโก ก็ยังมีการนำเอาออบซิเดียน มาทำเป็นทั้งมีดและหัวลูกธนูและในยุคปัจจุบัน อาจเอามาทำเป็นรูปแกะสลัก วัตถุ สำหรับประกอบพิธีทางศาสนาหรือเครื่องประดับประเภทคอสตูมก็ได้   ที่เรียกว่า “ออบซิเดียนเหิมะ” (SNOWFLAKE OBSIDIAN) นั้นคือ ออบซิเดียนที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดหิมะอยู่ทั่วผิว เกิดจากมลทินทรงกลมที่แทรกอยู่ในเนื้อหิน โดยที่โครงสร้างของมลทินทรงกลมนั้น เกิดจากการเรียงตัวของแร่ในแนวรัศมีจึงทำให้ออบซิเดียน มีลักษณะเหมือนเกล็ดหิมะโดยปกติแล้วมักนิยมเจียระไนเป็นรูปหลังเต่า พบอยู่ในมลรัฐยูทาห์ สหรัฐอเมริกา และที่เรียกว่า “น้ำตาอปาเช่” (APACHA TEARS) นั้นเป็นออบซิเดียน ที่มีรูปทรงกลมตามธรรมชาติ พบที่นิวเม็กซิโก สหรัฐอเมริกา  ออบซิเดียน ที่นำมาทำเครื่องประดับนั้นส่วนใหญ่จะได้มาจากสหรัฐอเมริกา และจะพบอยู่ในบริเวณที่มีหรือเคยมีภูเขาไฟมาก่อน เช่น เนวาดา ฮาวาย โอเรกอนและไวโอมิง นอกจากนี้แล้วยังพบอยู่อย่างเกลื่อนกลาดในประเทศเม็กซิโก ซึ่งมักมีลายและมีเหลือบสี
 แหล่งที่มา http://www.ploysouy.com/news/detail.asp?id=137

กระบวนการเกิด หินตะกอนเป็นหินที่มีมากถึง 75% ของหินบนพื้นผิวโลกจะเกิดจากอิทธิพลทางเคมีหรือทางกายภาพ ซึ่งทำให้ตะกอนที่เกิดจากการสลายตัวของหินใด ๆ ก็ได้ จะมีการทับถมและผ่านกระบวน ซึ่งจะทำให้แข็งอัดตัว โดยอุณหภูมิและความดัน จึงกลายเป็นหินตะกอนอยู่กับที่ แต่โดยส่วนมากแล้วมักจะถูกกระแสลม กระแสน้ำ หรือแรงโน้มถ่วงของโลก พัดพาไปสะสมในแหล่งอื่น

แหล่งกำเนิดของตะกอนมาจากหลายทาง เช่น

  • ตะกอนแผ่นดิน (Terrigenous Sediment) ประกอบด้วยอนุภาคที่เกิดสึกกร่อนผุพังของหิน

  • ตะกอนคอกลูเวียม (Collurium Sediment) เป็นตะกอนบนที่ลาดเอียง

  • ตะกอนอนินทรียสาร (Organic Sediment) ประกอบด้วยอนุภาคของซากพืช ซากสัตว์

  • ตะกอนไพโรคลาสติ (Pyroclastic Sediment) เป็นตะกอนที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟแล้วเกิดการตกจม

ลักษณะพื้นฐาน

  • มีลักษณะเป็นชั้น

  • แร่มีการลบเหลี่ยมมุมไปบ้าง และมีการคัดขนาดในหิน

  • เนื้อหินจะมีลักษณะของการถูกพัดพา หรือตกตะกอน

  • จะมีแร่ยิปซั่ม เฮไลต์ ซึ่งมาจากสารละลายที่เกิดจากการตกตะกอน

  • จะมีแร่ควอร์ตซ์ แคลไซต์ มาก

  • มีซากดึกดำบรรพ์ปะปนอยู่

  • เป็นหินที่พบมากกว่าหินชนิดอื่น

ได้แก่

หินกรวดมน

ประเภท

หินตะกอน

 ลักษณะ

มีลักษณะกลมมน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางโตกว่า 2 มม.

 กระบวนการเกิด

เกิดจากการอัดตัวกันแน่นของอนุภาค มีสารเชื่อม เช่น ซิลิกา คาร์บอเนต หรือสารประกอบของเหล็ก

 องค์ประกอบ

หินควอต์ไซต์  หินปูน  หินทราย  หรือแร่ควอตซ์  หินกรวด

 บริเวณที่พบ

พบทั่วไปทางภาคอีสาน  บนที่ราบสูงโคราช และบางแห่งทางภาคใต้

 ประโยชน์

ใช้เป็นวัสดุก่อสร้างทาง หรือปกคลุมส่วนนอกของคันทางดินของเขื่อน

หินกรวดเหลี่ยม

ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
คล้ายกับหินกรวดกลมมาก  แต่แตกต่างกันที่รูปร่างของอนุภาคหินชนิดนี้จะมีอนุภาคเป็นเหลี่ยม
 กระบวนการเกิด
มักจะเกิดในบริเวณใกล้ ๆ แหล่งกำเนิดของเศษหิน ทำให้เศษหินยังไม่ถูกบดสีจนมีลักษณะมน
 องค์ประกอบ
ผันแปรไปแล้วแต่ชนิดของหินหรือแร่ดั้งเดิม
 บริเวณที่พบ
ในบริเวณใกล้ ๆ ฐานของหุบเขา ตามรอยแตกของหินที่ชัน หรือตามทางน้ำไหลบนภูเขา
 ประโยชน์
ใช้เป็นวัสดุก่อสร้างทาง หรือ ปกคลุมส่วนนอกของคันทางดินของเขื่อน
หินโคลน

ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
คล้ายกับหินกรวดกลมมาก  แต่แตกต่างกันที่รูปร่างของอนุภาคหินชนิดนี้จะมีอนุภาคเป็นเหลี่ยม
 กระบวนการเกิด
มักจะเกิดในบริเวณใกล้ ๆ แหล่งกำเนิดของเศษหิน ทำให้เศษหินยังไม่ถูกบดสีจนมีลักษณะมน
 องค์ประกอบ
ผันแปรไปแล้วแต่ชนิดของหินหรือแร่ดั้งเดิม
 บริเวณที่พบ
ในบริเวณใกล้ ๆ ฐานของหุบเขา ตามรอยแตกของหินที่ชัน หรือตามทางน้ำไหลบนภูเขา
 ประโยชน์
ใช้เป็นวัสดุก่อสร้างทาง หรือ ปกคลุมส่วนนอกของคันทางดินของเขื่อน

หินเชิร์ต

ประเภท

หินตะกอน

 ลักษณะ

เนื้อแน่นแข็ง สีเทาอ่อน ดำ รอยแตกขรุขระ

 กระบวนการเกิด

เกิดจากสารพวกซิลิกา ซึ่งละลายมาจากหินเดิมตกตะกอนใหม่ และสะสมแทรกอยู่ในชั้นหินต่างๆ ส่วนมากพบในหินปูน

 องค์ประกอบ

ซิลิกา

 บริเวณที่พบ

ในประเทศไทยส่วนใหญ่หาพบได้ยาก

 ประโยชน์

ทำเครื่องประดับ  ทำเลนส์

หินดินดาน

ประเภท

หินตะกอน

 ลักษณะ

เนื้อละเอียดมากเหมือนดินเหนียว  มักจะมีรอยชั้นบาง ๆ เมื่อบิดจะแตกตัวตามรอยชั้น  มักจะพบว่ามีซากดึกดำบรรพ์อยู่ด้วย  มีสีต่างกัน เช่น แดง น้ำตาล เหลือง เทา เขียว และดำ

 กระบวนการเกิด

หินที่เกิดจากอนุภาคที่มาจับตัวเป็นก้อนแข็ง ซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 1/256 มม.

 องค์ประกอบ

ประกอบด้วยแร่ควอร์ตซ์  ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามอนต์มอร์ลโลไนต์  ดินเหนียว และไมกา

 บริเวณที่พบ

เกือบทุกจังหวัดในภาคกลางของประเทศไทย แต่ที่เป็นแหล่งใหญ่ก็คือ บริเวณ จังหวัดสระบุรี อยุธยา ลพบุรี สมุทรปราการ นนทบุรี นอกจากนี้ยังพบที่เลย สงขลา ยะลา นครศรีธรรมราช ฯลฯ

 ประโยชน์

เป็นวัสดุผสมใช้ทำซีเมนต์ บางทีก็นำมาปูถนนแต่หักง่ายเพราะความเชื่อมแน่นของหินต่ำ และยังนำมาทำเป็นหินประดับได้ด้วย

หินทราย

ประเภท

หินตะกอน

 ลักษณะ

เนื้อหยาบ จับดูระคายมือ เพราะประกอบด้วยเม็ดทรายขนาดแตกต่างกัน (1/16 – 2 มม.) เม็ดแร่ส่วนใหญ่เป็นแร่ควอร์ตซ์ แต่อาจมีแร่อื่นและเศษหินดินปะปนอยู่ด้วย เพราะมีวัตถุประสารมีความแข็งมากสามารถขูดเหล็กเป็นรอยได้ มีสีต่าง ๆ เช่น แดง น้ำตาล เทา เขียว เหลืองอ่อน  อาจแสดงรอยชั้นให้เห็น มีซากดึกดำบรรพ์

 กระบวนการเกิด

จากการรวมตัวกันของเม็ดทราย

 องค์ประกอบ

ประกอบด้วยควอร์ตซ์เป็นส่วนใหญ่ อาจมีแร่แมกเนไทต์และไมกาปะปนอยู่ วัตถุประสาร (Cement) ส่วนมากเป็นพวกซิลิกา (ควอร์ตซ์ หรือเชิร์ต) แคลไซด์ โดโลไบต์ เหล็กออกไซด์ ซึ่งมักทำให้หินมีสีเหลือง น้ำตาล แดง

 บริเวณที่พบ

เป็นหินที่มีอยู่ทั่วไป  แต่พบมากทางภาคอีสาน จังหวัดราชบุรี  เพชรบุรี กาญจนบุรี และทางภาคใต้บางแห่ง

 ประโยชน์

ใช้เป็นวัสดุในการก่อสร้างทำถนน สร้างโบราณสถาน   แกะสลักรูปปั้น เช่น พระพุทธรูป

หินปูน


ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
หินปูนที่มีเนื้อแน่นละเอียดทึบ มีสีออกขาว เทา ชมพู หรือสีดำก็ได้ อาจมีซากดึกดำบรรพ์ในหินได้ เช่น ซากหอย ปะการัง ภูเขาหินปูนมักมียอดยักแหลมเป็นหน้าผา และเป็นหินที่ละลายน้ำได้ดี
 กระบวนการเกิด
จากการตกตะกอนทางอนินทรีย์เคมี หรือจากการสะสมของเปลือกหอยเนื้อปูน หรือจากทั้งสองร่วมกัน
 องค์ประกอบ
ด้วยแร่แคลเซียมคาร์บอเนต โดยมากเป็นแคลไซต์ ซึ่งทดสอบได้ง่าย โดยใช้กรดเกลือชนิดเจือจางหยดดู จะเกิดฟองฟู่ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
 บริเวณที่พบ
จังหวัดสระบุรี  เพชรบุรี  กระบี่  นครศรีธรรมราช  พังงา เป็นต้น
 ประโยชน์
อุตสาหกรรมการทาง ทำถนน ทางรถไฟ  เผาทำปูนขาว หรือปูนกินหมาก ทำแคลเซียมคาร์ไบด์ ทำวัสดุทนไฟ ทำปุ๋ย และทำสี
หินปูนซากดึกดำบรรพ์

ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
หินปูนที่มีเนื้อแน่นละเอียดทึบ มีสีออกขาว เทา ชมพู หรือสีดำก็ได้ มีซากดึกดำบรรพ์ปนอยู่ในหินได้ เช่น ซากหอย ปะการัง ภูเขาหินปูนมักมียอดยักแหลมเป็นหน้าผา และเป็นหินที่ละลายน้ำได้ดี
 กระบวนการเกิด
จากการตกตะกอนทางอนินทรีย์เคมี หรือจากการสะสมของเปลือกหอยเนื้อปูน หรือจากทั้งสองร่วมกัน
 องค์ประกอบ
ด้วยแร่แคลเซียมคาร์บอเนต โดยมากเป็นแคลไซต์ ซึ่งทดสอบได้ง่าย โดยใช้กรดเกลือชนิดเจือจางหยดดู จะเกิดฟองฟู่ของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา
 บริเวณที่พบ
จังหวัดสระบุรี  เพชรบุรี  กระบี่  นครศรีธรรมราช  พังงา เป็นต้น
 ประโยชน์
อุตสาหกรรมการทาง ทำถนน ทางรถไฟ  เผาทำปูนขาว หรือปูนกินหมาก ทำแคลเซียมคาร์ไบด์ ทำวัสดุทนไฟ ทำปุ๋ย และทำสี
ไม้กลายเป็นหิน
ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
คล้ายท่อนไม้ หรือชั้นไม้ แต่มีลักษณะแข็งเหมือนเนื้อหิน
 กระบวนการเกิด
เกิดจากการแทนที่ของซิลิก้า ที่เข้าไปแทนที่อินทรีย์วัตถุของเนื้อไม้ โมเลกุลต่อโมเลกุล จนเปลี่ยนสภาพหินไปทั้งหมด
 องค์ประกอบ
ประกอบด้วยแร่ซิลิก้า บางครั้งก็พบแร่แคลไซต์ปะปนอยู่
 บริเวณที่พบ
บริเวณทั่วไปของทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจังหวัดตาก
 ประโยชน์
ใช้ประดับตกแต่ง สวนและบ้าน
ศิลาแลง
ประเภท
หินตะกอน
 ลักษณะ
มีรูพรุนอยู่ทั่วก้อน สีแดงถึงน้ำตาลแดง แข็งจับตัวเป็นก้อน
 กระบวนการเกิด
เกิดจากการชะล้างเหล็ก และอลูมิเนียมออกไซด์ ลงไปสะสมในน้ำใต้ดิน และมีการเปลี่ยนระดับน้ำใต้ดินขึ้น-ลงตามฤดูกาล ทำให้ให้เหล็กและอลูมิเนียมออกไซด์จับตัวกันเป็นก้อน
 องค์ประกอบ
เหล็กออกไซด์ และอลูมิเนียมออกไซด์
 บริเวณที่พบ
พบได้ทั่วไปในประเทศไทย พบมากที่จังหวัดปราจีนบุรี สิงห์บุรี สุโขทัย และตาก
 ประโยชน์
ใช้ก่อสร้างกำแพงโบราณสถาน ทำถนน และทำหินประดับปูพื้น

กระบวนการเกิด เป็นหินที่เกิดจากสภาวะการแปรสภาพจากหินอื่น ๆ ซึ่งจะมีอิทธิพลจากอุณหภูมิ ความดัน และสารประกอบทางเคมีของแร่  การเปลี่ยนแปลงจะมีทั้งลักษณะโครงสร้างของหิน และส่วนประกอบของแร่ ซึ่งจะมีการปรับสภาพให้อยู่ในสภาวะสมดุล ภาวะเปลี่ยนแปลงทางกายภาพจะมีการบีบทำลายเม็ดแร่  มีการเกิดผลึกใหม่  มีการยึดประสานของเม็ดแร่  และการเพิ่มขนาดของเม็ดแร่

ลักษณะพื้นฐาน

  • ในหินแปรบางชนิดจะมีแร่เรียงตัวแบบมีทิศทาง เป็นแนวยาวขนาน ลักษณะเป็นแผ่นโค้งงอ แต่ถ้าไม่มีการจัดเรียงตัว ก็จะจับประสานกันแน่นคล้ายกับหินอัคนี
  • รูปร่างของเม็ดแร่จะเป็นวงรี  หรือเป็นแผ่นเกล็ด
  • จะมีการปรับสภาวะสมดุลของเนื้อหินให้เข้ากับความดันและอุณหภูมิที่กระทำ
  • จะมีแร่การ์เนต เทรโมไลต์ ทัลก์ และเซอร์เพนทีน ซึ่งเป็นแร่เด่นที่พบในหินแปร
ได้แก่

หินควอร์ตไซต์


ประเภท
หินแปร
 ลักษณะ
เมื่อแตกจะมีผิวรอบรอยแตกแบบโค้งเว้า
 กระบวนการเกิด
โดยเกิดเป็นผลึกที่เกาะเกี่ยวซึ่งกันและกัน  เป็นผลของการเกิดการตกตะกอนใหม่ อาจจะเกิดภายใต้สภาวะแวดล้อมที่มีอุณหภูมิ และความดันของการเกิดหินตะกอนในที่ตื้น และตกผลึกในช่องว่างต่าง ๆ  ทำให้หินมีเนื้อแน่นขึ้น
 องค์ประกอบ
แร่ควอร์ต (Quartz) แร่คลอไรต์ (Chlorite) แร่เฟลด์สปาร์ (Feldspar)
 บริเวณที่พบ
จังหวัดชลบุรี (อ.ศรีราชา)  ประจวบคีรีขันธ์ (อ.ปราณบุรี)  กาญจนบุรี (อ.เมือง)
 ประโยชน์
ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องแก้ว ทำหินลับมีด  หินประดับ

หินแคลก์ – ซิลิเกต


ประเภท

หินแปรแบบที่มีรอยขนาน

 ลักษณะ

เป็นเนื้อละเอียดมักจะแยกออกเป็นแผ่น ผิวรอยแยกเรียบ แร่ที่ประกอบในหินไม่อาจจะแยกด้วยตาเปล่า รอยแตกของหินชนวนมักขนานกับชั้นหิน มีสีต่างกันตามสารที่ประกอบอยู่ เช่น สีเท่าถึงดำ มีธาตุคาร์บอนจากหินเดิม และคาร์บอนอาจจะเปลี่ยนเป็นแกรไฟต์ หินชนวนสีแดงหรือม่วงเกิดจากเหล็กและแมงกานีสออกไซด์ สีเขียวมีเหล็กเฟอรัสซิลิเกตในหิน

 กระบวนการเกิด

เกิดจากการแปรสภาพจากดินดาน และหินอัคนีที่เป็นเกรดต่ำ เนื่องจากถูกความกดดันและความร้อน

 องค์ประกอบ

มีแร่ดินเหนียวเป็นส่วนใหญ่ แร่คลอไลต์ และแร่ไมก้า

 บริเวณที่พบ

จ.กาญจนบุรี ชลบุรี ระยอง นครศรีธรรมราช นราธิวาส และนครราชสีมา

 ประโยชน์

นิยมนำมาใช้เป็นกระดานชนวนเขียนหนังสือ แผ่นขนาดใหญ่ใช้ในการ มุงหลังคา ปูพื้นโต๊ะสนุกเกอร์ ทำหินประดับ

หินชนวน


ประเภท

หินแปร

 ลักษณะ

เป็นเนื้อละเอียดมักจะแยกออกเป็นแผ่น ผิวรอยแยกเรียบ แร่ที่ประกอบในหินไม่อาจจะแยกด้วยตาเปล่า มีแร่ดินเหนียวเป็นส่วนใหญ่รอยแตกของหินชนวนมักขนานกับชั้นหิน มีสีต่างกันตามสารที่ประกอบอยู่ เช่น สีเทาถึงดำ มีธาตุคาร์บอนจากหินเดิม และคาร์บอนอาจจะเปลี่ยนเป็นแกรไฟต์ หินชนวนสีแดงหรือม่วงเกิดจากเหล็กและแมงกานีสออกไซด์ สีเขียวมีเหล็กเฟอรัสซิลิเกตในหิน

 กระบวนการเกิด

เกิดจากการแปรสภาพจากดินดาน และหินอัคนีที่เป็นเกรดต่ำ เนื่องจากถูกความกดดันและความร้อน

 องค์ประกอบ

แร่คลอไลต์ และแร่ไมก้า

 บริเวณที่พบ

จังหวัดกาญจนบุรี ชลบุรี ระยอง นครศรีธรรมราช นราธิวาส และนครราชสีมา

 ประโยชน์

นิยมนำมาใช้เป็นกระดานชนวนเขียนหนังสือ แผ่นขนาดใหญ่ใช้ในการ มุงหลังคา ปูพื้นโต๊ะสนุกเกอร์

หินชีสต์

ประเภท

หินแปร

 ลักษณะ

เป็นเส้นใยแตกออกยาก และไม่แตกเป็นแผ่นเรียบ เพราะแร่เป็นเกล็ด แบบสั้น ๆ เมื่อแตกแล้วจะมีผิวขรุขระ

 กระบวนการเกิด

เกิดจากหินตะกอน  หินอัคนี  และหินแปร ที่ถูกสภาวะแปรสภาพด้วยความกดดัน และความร้อนสูง

 องค์ประกอบ

แร่ไมกา  แร่เทา  แร่คลอไลต์  แร่ฮีมาไทต์

 บริเวณที่พบ

เขื่อนภูมิพล จ.ตาก อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี อ.ปราณบุรี  และอ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ (อ. หัวหิน)

 ประโยชน์

ใช้ทำหินประดับ

หินไส์น

ประเภท
หินแปรแบบที่มีรอยขนาน

 ลักษณะ

เนื้อหยาบ  แร่แยกกันเป็นแถบหรือเป็นชิ้น

 กระบวนการเกิด

เกิดจากการแปรสภาพแบบภูมิภาพเกรดสูง ซึ่งเป็นผลจากความร้อน และความกดดันสูง โดยเดิมเป็นหินอัคนี และหินตะกอน

 องค์ประกอบ

แร่ควอร์ต  โพแทชเฟลต์สปาร์ (Potash Feldspar) แร่มัสโคไวต์ (Muscovite) แร่คอร์เดียไรต์ (Cordierite)

 บริเวณที่พบ

จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อ.หัวหิน อ.ปราณบุรี) ชลบุรี (อ.ศรีราชา) ตาก (อ.ลานสาง) เชียงใหม่ (อ.สอด) เชียงราย (อ.เชียงแสน)

 ประโยชน์

ใช้ทำหินบด  ทำครก  หินประดับ

หินฟิลไลต์

ประเภท
หินแปร
 ลักษณะ
มีส่วนประกอบคล้ายหินชนวน แร่ที่เกิดขึ้นมีผลึกหยาบกว่า หินชนวนที่ถูกแปรสภาพรุนแรง จะเปลี่ยนเป็นหินฟิลไลต์  เมื่อถูกความร้อนที่มากกว่า 250 – 300 องศาเซลเซียล ทำให้คลอไลต์และไมกามีขนาดผลึกใหญ่ขึ้น
 กระบวนการเกิด
เกิดจากหินตะกอน หินอัคนี และหินแปร ที่ถูกแปรสภาพด้วยความกดดัน และความร้อนแต่น้อยกว่าหินชีสต์
 องค์ประกอบ
แร่ควอร์ต แร่ออกไซด์ของเหล็ก และแมกนีเซียม แร่คลอไลต์  แร่มัสโคไวต์
 บริเวณที่พบ
จังหวัดชลบุรี (อ.บางละมุง)  ยะลา (อ.เมือง อ.เบตง)  ตาก (เส้นทางสายตาก – แม่สอด) ราชบุรี
 ประโยชน์
ใช้เป็นวัสดุในการทำถนนชั่วคราว

หินอ่อน

ประเภท
หินแปร
 ลักษณะ
มีทั้งเนื้อละเอียดและเนื้อหยาบ เนื้อหินแวววาว มีสีแดง เหลือง น้ำตาล
 กระบวนการเกิด
เป็นหินที่ได้จากหินคาร์บอเนตที่ตกผลึกใหม่ จนสามารถมองเห็นแร่คาร์บอเนตอย่างชัดเจน
 องค์ประกอบ
แร่คัลไซต์  แร่แคลไซต์  แร่โดโลไมต์
 บริเวณที่พบ
จังหวัดสระบุรี ลพบุรี ชลบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์
 ประโยชน์
ทำหินขัด หินประดับ หินตกแต่ง ทำถนน รองทางรถไฟ และแกะสลัก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น