4.อิทธิพลทางดนตรี


 พลังของดนตรี

1.    ผลในทางบวก  เช่น


-    ทางการแพทย์พบว่า ดนตรีช่วยผู้ป่วยในการรักษาโรคทางจิต  และป้องกันโรคลมบ้าหมู  ในพระคัมภีร์มีหลักฐานสอดคล้องในเรื่องนี้  กษัตริย์ซาอูลเมื่อท่านป่วยเป็นโรคทางจิต  ดาวิดถูกเลือกให้เข้ามาบรรเลงดนตรี  เพื่อช่วยให้โรคของกษัตริย์ได้รับการบรรเทา  (1ซมอ.16:15-17, 23)

-    ในทางอุตสาหกรรมพบว่า ดนตรีช่วยให้การผลิตในโรงงานดีขึ้น พนักงานมีความสามารถในการผลิตดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้แต่ในร้านค้านักจิตวิทยาพบว่า ร้านค้าที่เปิดเพลงอย่างเหมาะสมในร้านค้าของตนจะมีผลต่อการซื้อของลูกค้า

-    นักวิทยาศาสตร์พบว่า  ดนตรีช่วยให้แม่วัวให้นมได้มากขึ้น แม่ไก่ให้ไข่มากขึ้น ต้นไม้เจริญเติบโตดีขึ้น ผลิตดอกได้มากขึ้น

-    ผู้นำประเทศทุกยุคทุกสมัยใช้ดนตรีเพื่อปลุกใจทหารของตนให้เกิดความหึกเหิม เร้าใจประชากรของตนให้เกิดความรู้สึกรักชาติภูมิที่เกิดมา

2.    ผลในทางลบ  เช่น


-    ดนตรีใช้ในการสะกดจิต  ใช้ในการชักจูงให้จิตใจของคนถูกควบคุม และทำตามคำสั่งโดยไม่รู้ตัว ให้ทำสิ่งร้ายแรง ทำความชั่ว หรือทำผิดทางเพศโดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมจรรยาแต่อย่างใด แม้แต่พฤติกรรมวิปริตต่างๆ ก็เป็นผลมาจากดนตรีที่ไม่เหมาะสมได้

-    ไม่นานมานี้พบว่า มีวัยรุ่นญี่ปุ่นหลายคนฆ่าตัวตายตามศิลปินที่เขาหลงใหลอย่างไม่มีเหตุผล และดนตรีที่มีผลต่อพวกเขามากเช่นนี้ก็คือดนตรี heavy rock ซึ่งเป็นดนตรีที่ใช้เสียงดัง ใช้ความรุนแรงในการบรรเลง

 

ดนตรีกับอารมณ์


ดนตรีเป็นสิ่งที่ต้องใช้อารมณ์เป็นสำคัญ เกี่ยวข้องกับการแสดงอารมณ์ออกมาผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เครื่องดนตรี หรือการร้องเพลง อารมณ์เป็นสิ่งที่พระเจ้าทรงใส่ไว้ในชีวิตของมนุษย์ทุกคน และจำเป็นต้องแสดงออกมาภายนอก ไม่ว่าจะเป็นทางร่างกายด้วยอวัยวะต่างๆ รอยยิ้มอย่างพึงพอใจ ใบหน้าบึ้งตึงด้วยความไม่พอใจ น้ำเสียงที่แสดงความรัก ความพึงพอใจ หรือเสียงแข็งกระด้างด้วยความโกรธ หรือเกลียดชัง ทั้งสิ้นล้วนแล้วแต่เป็นการแสดงอารมณ์ของตนออกมาจากภายใน

ในการใช้อารมณ์ผ่านทางดนตรีของคริสเตียน เราสามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาภายนอกได้ในหลายๆ วิธี เช่น การแสดงความยินดีด้วยการปรบมือ การเต้นรำ ลิงโลด การใช้เสียงโห่ร้อง หัวเราะ ร้องเพลงด้วยความยินดี เป็นต้น

ดนตรีกับอารมณ์เป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกัน ไม่ว่าจะเป็นการร้องเพลงหรือการเล่นดนตรี ดนตรีที่ปราศจากอารมณ์ก็เป็นเหมือนเครื่องจักรกลที่ปราศจากชีวิต ส่งเสียงได้แต่หาชีวิตมิได้
 ดนตรีกับอารมณ์นั้นเราแยกออกได้เป็น 3 กลุ่มคือ
-    ใช้ดนตรีเพื่อการแสดงอารมณ์ออกมาของผู้ใช้
-    ใช้ดนตรีเพื่อการเร้าอารมณ์ให้เกิดขึ้นในผู้ฟัง
-    ใช้ดนตรีเพื่อการสื่อสาร  และอธิบายสิ่งที่อยู่ในจิตใจ


ข้อเสนอแนะในการใช้ดนตรีในการสรรเสริญนมัสการพระเจ้า

1.    ควรพิจารณาดูแหล่งที่มาของเพลงทุกเพลงที่จะใช้ในคริสตจักร

เพลงที่มาจากเนื้อหนังจะไม่มีผลต่อฝ่ายวิญญาณแต่อย่างใดเลย ( ยน.3:6 “ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง  และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ” ) ควรตอบคำถามให้ได้ว่า : เพลงนี้มาจากไหน ใครเป็นคนแต่ง มาจากคนที่เชื่อในพระเจ้า เป็นคริสเตียนแท้หรือเปล่า  หรือมาจากคนไม่เชื่อ

แหล่งที่มาของเพลงทุกประเภทในโลกจะมาจากบุคคล 4 กลุ่มใหญ่ๆ เสมอ

-    กลุ่มคนที่เชื่อในพระเจ้า ร้อนรน รักพระเจ้า และพระองค์ทรงอยู่เบื้องหลังของเพลง โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ให้แต่งเพลง ให้เขียนบทเพลงสรรเสริญ นมัสการขึ้น เราเรียกว่าเป็นแหล่งจากจิตวิญญาณ เพลงลักษณะนี้มีผลในฝ่ายวิญญาณแน่นอน

-    กลุ่มคนที่ไม่เชื่อในพระเจ้า มีทักษะทางดนตรี ผลิตเพลงออกมามากมายเต็มโลก มาจากความรู้สึก มาจากการสังเกตธรรมชาติ ความเป็นไปของชีวิตที่อาจจริงและไม่จริง อิทธิพลของเพลงแนวนี้อาจมีผลบ้างในฝ่ายอารมณ์ ความรู้สึก แต่ไม่เป็นประโยชน์ในฝ่ายวิญญาณ ไม่มีผลทำให้ผู้ฟังรักพระเจ้ามากขึ้น รู้จักพระเจ้าดีขึ้น ทำให้ชีวิตบริสุทธิ์มากขึ้น

-    กลุ่มคนที่ติดยาเสพติด ไม่ว่าจะเป็นบุหรี่ กัญชา หรือยาเสพติดอื่นๆ เหล้า เบียร์ คนเหล่านี้ก่อนที่จะผลิตงานดนตรีจะต้องเสพสิ่งเหล่านี้เสียก่อน เพื่อให้เป็นแรงบันดาลใจ มีพลังขับเคลื่อนภายใน ผู้ที่เสพผลงานเหล่านี้ก็จะไม่มีผลในทางจิตวิญญาณแต่อย่างใด

-    กลุ่มคนที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของผี นมัสการซาตาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ซาตานดลใจพวกเขาอยู่ ชีวิตของเขาไม่อยู่ในศีลธรรมอันดีงาม บางกลุ่มต่อต้านความเชื่อในพระเจ้า ทำลายและเป็นปฏิปักษ์ต่อความดีทั้งมวล อิทธิพลของเพลงเหล่านี้รุนแรงมากในสังคม ทำให้รักความสกปรก แต่งกายสกปรก ชอบอิสระเสรี ทำตามใจตนเอง
เพลงที่คริสเตียนควรร้องและใช้ในชีวิตส่วนตัว และนมัสการพระเจ้าควรเป็นเพลงประเภทแรกเท่านั้น อย่าลืมว่าดนตรีที่มาจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง มาจากฝ่ายวิญญาณก็เป็นวิญญาณ มีผลทางวิญญาณ  ยน.3:6 “ซึ่งบังเกิดจากเนื้อหนังก็เป็นเนื้อหนัง  และซึ่งบังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นวิญญาณ”

2.    นำเพลงมาตรวจสอบ แยกแยะวินิจฉัยตัดสิน

ดูรายละเอียดลึกลงไปว่าเพลงนั้นเป็นสไตล์อะไร เหมาะกับวัฒนธรรมที่ดีงามไหม เป็นเพลงร่วมสมัย หรือเป็นเพลงท้องถิ่น สมาชิกส่วนใหญ่ยอมรับได้หรือเปล่า เพลงบาง ประเภทดี แต่อาจไม่เหมาะกับคนส่วนใหญ่ก็ได้

3.    วิเคราะห์ดูว่าเพลงนั้นสื่อสารอะไร


เพลงทุกเพลง แม้เพลงบรรเลงที่ไม่มีเนื้อร้องจะมีทิศทาง มีวัตถุประสงค์ชัดเจนเสมอ เราควรถามว่า : เพลงนั้นพูดว่าอะไร? จะมีผลต่อผู้คนอย่างไร? จะนำสิ่งใดมาให้? ฯลฯ  ดนตรีที่เหมาะสมควรจะนำความจริงในพระเจ้ามาให้เรา ควรเป็นเครื่องมือให้เราได้เติบโตกับพระเจ้ามากขึ้น รักพระ-เจ้ามากขึ้น ได้ใช้เพลงถวายพระเกียรติพระเจ้า  ขอให้บทเพลงของเรายกพระเจ้า ยกพระเยซูขึ้นสูง เพื่อทุกคนที่วางในในพระองค์จะรักษาชีวิตไว้จนถึงนิรันดร์ได้